ทองพันธุ์ใหม่ KPS-Sri-10R สามารถรับประทานสด มีสารเบต้าแคโรทีนสูงกว่าฟักทองพันธุ์อื่นๆ มีรสชาติหวาน กรอบ กลิ่นหอม เมื่อรับประทานแล้วท้องไม่อืดเพราะมีปริมาณแป้งน้อยและมีเส้นใยช่วยในการขับถ่าย ปลูกได้ดีในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว ติดต่อสอบถามได้ที่ ดร.อัญมณี อาวุชานนท์ ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โทร.0-3428-1084-5
ผลิตโดย
วนิดา รัตตมณี กิจสุกาญจน์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา
ฝ่ายเผยแพร่งานวิจัย สถาบันวิจัยและพัฒนาแห่ง มก.
ประโยชน์ของฟักทอง
1.เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
ในฟักทองไม่ได้มีเพียงแค่วิตามินเอแต่เพียงเท่านั้น หากยังมีวิตามินซีอยู่มากและวิตามินซีก็จะเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้แก่ร่างกาย โดยเฉพาะการป้องกันหวัด ใครไม่อยากเป็นหวัดง่ายๆ แนะนำให้หมั่นกินฟักทองเป็นประจำค่ะ
2.ช่วยบำรุงสายตา
เพราะฟักทองนั้นมีวิตามินเอสูงมาก โดยฟักทองบด 1 ถ้วยจะให้วิตามินเอสูงมากถึง 200% จากปริมาณที่แนะนำใน 1 วัน และเราก็ทราบกันดีแล้วใช่มั้ยล่ะว่าวิตามินเอจะช่วยบำรุงสายตา ทำให้การมองเห็นแม้แต่ในที่มืดชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ มันยังช่วยลดความเสื่อมสภาพของเซลล์ในลูกตาได้อีกด้วย
3.ลดน้ำหนักได้ผล
อาหารลดน้ำหนักนั้นมีมากมายและฟักทองก็คือ หนึ่งในอาหารที่สาวๆ สามารถกินยามลดน้ำหนักได้ผล เพราะฟักทองมีไฟเบอร์สูงมากถึง 3 กรัมต่อ 1 ถ้วย และยังให้แคลอรี่แค่ 49 แคลอรี่เท่านั้น กินแล้วจึงรู้สึกอิ่มท้องนานและช่วยลดอาการหิวโหยระหว่างมื้อได้ดีทีเดียว
4.ดูแลสุขภาพหัวใจ
งานวิจัยได้ชี้แจงอย่างแน่ชัดแล้วว่า สารจากธรรมชาติที่ชื่อว่า ‘ไฟโตสเตอรอล’ (Phytosterols) ที่พบจากเมล็ดธัญพืชและถั่วเปลือกแข็งจะมีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) ได้ ดังนั้น มันจึงช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจ ซึ่งแน่นอนว่าเมล็ดฟักทองก็คือ หนึ่งในเมล็ดธัญพืชที่คนรักสุขภาพไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง
5.ลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง
ในฟักทองยังพบว่ามีสารเบต้าแคโรทีนสูงซึ่งนอกจากจะช่วยด้านการบำรุงสายตาแล้ว มันยังสามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้ดีอีกด้วย โดยมีผลการวิจัยบอกไว้ว่า สารดังกล่าวจะสามารถต่อต้านอนุมูลอิสระอันเป็นสาเหตุในการเกิดโรคมะเร็ง และกรดโปรไพโอนิคจากฟักทองก็ยังช่วยให้เซลล์มะเร็งอ่อนแอลง ทั้งนี้ ในผู้ชายการกินฟักทองเป็นประจำจะช่วยป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก ต่อมลูกหมากโตและช่วยป้องกันการเป็นหมันได้
6.บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง
อนุมูลอิสระเป็นตัวการทำลายเซลล์ให้เสื่อมสภาพและกลายมาเป็นเซลล์มะเร็งในที่สุด เช่นเดียวกันกับเซลล์ผิว หากมันถูกทำลายไปแล้ว สภาพผิวพรรณก็ย่อมหม่นหมอง ไม่เปล่งปลั่งสดใสและยังเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ง่าย แต่หากสาวๆ หมั่นกินฟักทองซึ่งมีสารแคโรทีนอยด์ก็จะช่วยลดความเสื่อมสภาพของเซลล์ลงได้ ดังนั้น มันจึงช่วยบำรุงผิวพรรณ ทำให้ผิวเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล
7.ป้องกันเบาหวานและควบคุมความดันโลหิต
การกินฟักทองหลายคนมักนิยมกินแต่เนื้อเท่านั้นและเปลือกของมันก็มักจะถูกมองข้ามไปเสียสนิท ซึ่งคุณอาจจะไม่ทันรู้ว่าเปลือกของฟักทองนี่แหละมีฤทธิ์ทางยามากมายซ่อนอยู่ โดยเฉพาะฤทธิ์ในการช่วยกระตุ้นการหลั่งของอินซูลินภายในร่างกาย โดยจะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด การกินฟักทองทั้งเปลือกร่วมด้วยเป็นประจำจึงสามารถป้องกันเบาหวานและควบคุมความดันโลหิตได้ค่ะ
8.บำบัดความเครียด
เนื่องจากในเมล็ดฟักทองมีกรดอะมิโนที่ชื่อ "ทริปโตฟาน" ซึ่งเป็นกรดที่พบในกล้วยและนมด้วยเช่นกัน โดยกรดดังกล่าวจะช่วยให้เรานอนหลับสบาย อีกทั้งทริปโตฟานยังเข้าไปสร้างสารเซโรโทนีนซึ่งเป็นสารที่ช่วยควบคุมอารมณ์ของเราให้นิ่งสงบ ดังนั้น หากคุณเครียดๆ อยู่ล่ะก็ แนะนำให้กินเมล็ดฟักทองเล่นสัก 1 กำมือ รับรองมันจะช่วยผ่อนคลายความเครียดและทำให้อารมณ์ดีขึ้นไม่มากก็น้อยแน่นอน
9.ป้องกันการเกิดนิ่ว
เมล็ดฟักทองเม็ดเล็กๆ ที่หลายคนอาจเคยมองข้าม ไม่เพียงจะมีแป้ง โปรตีน วิตามินและฟอสฟอรัสแต่เพียงเท่านั้นนะคะ แต่ยังมีสารที่ชื่อว่า "คิวเคอร์บิติน" ซึ่งสารนี้เป็นสารที่มีฤทธิ์ช่วยฆ่าพยาธิตัวตืดได้ และยังทำหน้าที่ช่วยขับปัสสาวะ จึงสามารถป้องกันการเกิดโรคนิ่วและโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้นั่นเอง
10.ฟื้นพลังหลังออกกำลังกาย
ใครที่ชอบออกกำลังกายอย่างหนัก ร่างกายก็มักอ่อนเพลียเป็นธรรมดาและแน่นอนค่ะว่าเรามักจะต้องกินอาหารเสริมพลังเข้าไป หลายคนนิยมหันมากินกล้วยเติมพลัง ทว่าหากใครที่ไม่ชอบกล้วย คุณสามารถกินฟักทองนึ่งแทนได้นะคะ เพราะฟักทองนั้นมีโพแทสเซียมสูงถึง 564 มิลลิกรัม ซึ่งมากกว่ากล้วยที่มีแค่ 422 มิลลิกรัมเท่านั้น สารโพแทสเซียมจะเข้าบำรุงและฟื้นฟูสภาพร่างกายหลังจากออกกำลังกายมาอย่างหนักได้ดี อีกทั้งยังดูแลการทำงานของกล้ามเนื้อให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพดังเดิมได้ด้วย
ที่มา : healthtipsing.com
http://www2.rdi.ku.ac.th/newweb/?p=18691
http://www.kaewsaiidea.com
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น